เส้นทางที่ 3    อำนาจเจริญ – อุบลราชธานี

จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกเส้นทางการท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่า แสนอะเมซซิ่ง ด้วยภูมิประเทศที่ทำให้เส้นทางท่องเที่ยวนั้นมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่อลังการอย่างผาแต้ม สามพันโบก แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างวัดเก่าแก่โบราณไปจนถึงวัดที่สร้างใหม่ มีความสวยงามจนเป็น unseen และอาหารการกินก็อร่อยไม่แพ้จังหวัดอื่นในแดนอีสาน ทั้งปลาแม่น้ำ ส้มตำปลาร้านัว ๆ เส้นเปียก หมูยอ ล้วนแซบอีหลี

วันที่ 1 เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดอุบลราชธานีได้ทั้งทางรถโดยสาร รถไฟ และเครื่องบินหลากหลายสายการบิน เมื่อถึงอุบลราชธานีแล้วก็ต่อรถไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ เริ่มต้นทริปด้วยความเป็นศิริมงคล เยี่ยมเยือน วัดดงเฒ่าเก่า วัดที่มีความเก่าแก่ พบใบเสมาพันปีทำจากหินทรายแผ่นขนาดใหญ่มีการสลักลวดลายนูนต่ำ เป็นรูปดอกไม้ รูปหม้อน้ำ และตอนบนเป็นวงคล้ายธรรมจักร อายุไม่น้อยกว่าพุทธศตวรรษที่ 12-13 และในบริเวณดังกล่าวยังพบพระพุทธรูปหินทรายแบบทวารวดีตอนปลาย มีการปักใบเสมาในพื้นที่กว้างกว่าที่อื่นๆ โดยพบใบเสมาฝังดินกระจัดกระจายรอบบริเวณแนวป่าทึบ มีลักษณะที่แปลก เพราะใบเสมาจะถูกฝังเป็นแนวยาวตลอดในเส้นทางเดียวกันมีอยู่จำนวนมาก นักโบราณคดีสันนิฐานว่าอาจเป็นสัญลักษณ์ที่บอกแนวเขตพุทธสีมา มณฑป ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจเป็นสัญลักษณ์เจตแดนมหานครในอดีต นับเป็นแหล่งโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลสมัยทวาราวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 หลักฐานที่พบเสมาหินทราย พระพุทธรูปหินทรายแบบทวาราวดีตอนปลาย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นจึงเดินทางไปยัง แก่งคันสูง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฤดูร้อน เพราะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ตั้งแต่การเช่าเพิงไม้ไผ่ริมน้ำ ที่ออกแบบมาอย่างมั่นคงแข็งแรง สามารถสั่งอาหารเครื่องดื่มไปนั่งรับประทานพร้อมกินลมชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ การลงเล่นน้ำโขงซึ่งจะมีห่วงยางให้เช่า และเรือบานาน่าโบ๊ทสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสนุกสนานท้าทาย แม่น้ำโขงใสไหลเย็นช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีบริการล่องเรือในแม่น้ำโขง ชมความงามของธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม

จากนั้นเดินทางไปสักการะ พระมงคลมิ่งเมือง ที่ วัดพระมงคลมิ่งเมือง นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามประจําภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางด้านหลังของพระมงคลมิ่งเมืองมีพระพุทธรูปลักษณะแปลกอีก ๒ องค์ ห่มจีวรเหลืองลออตา มีนามว่า “พระละฮาย” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระขี่ล่าย” หมายถึง ไม่สวย ไม่งาม โดยเรียกตามรูปลักษณ์ขององค์พระพุทธรูปโบราณ พบในหนองน้ำเมื่อปี พ.ศ. 2505 ครั้งที่มีการปรับปรุงบริเวณโดยรอบเพื่อทําฝายกั้นน้ำ เชื่อกันว่าเป็นพระที่ให้โชคลาภ ประชาชนมักเดินทางมาขอพรอยู่เสมอ

จากนั้น เดินทางต่อไปยัง วัดถ้ำแสงเพชร สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งหลังจากได้ขุดค้นพบใบเสมาอายุนับพันปีในสมัยทวาราวดี แสดงให้เห็นถึงการตั้งวางใบเสมาในเขตอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนสมัยโบราณ พร้อมทั้งไหว้พระเหล่าเทพนิมิตร พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองอายุหลายร้อยปี มีพุทธศิลป์อันงดงามอีกองค์หนึ่งในภาคอีสาน

หากยังพอมีเวลา นักท่องเที่ยวสามารถเพิ่มเติมสถานที่ท่องเที่ยวโดยเดินทางไปยัง น้ำตกตาดใหญ่ บ้านหินกอง ต.โคกก่ง อ.ชานุมาน น้ำตกขนาดกลาง มีความกว้างของน้ำตกเกือบ 30 เมตร มีน้ำหลากในฤดูฝนแต่มีความสวยงาม ด้วยมีถนนลาดยางตลอดทางเข้าน้ำตก น้ำตกตาดใหญ่เกิดจากลำห้วยทม ไหลผ่านช่วงโขดหินกั้นลำน้ำ เกิดเป็นน้ำตกตาดใหญ่ที่มีความสวยงามมากที่สุดของจังหวัดอำนาจเจริญ

ปิดท้ายวันด้วยการเดินทางกลับไปยังจังหวัดอุบลราชธานี เดินเล่นที่ ตลาดหอมอุบล ตลาดนัดโต้รุ่งของคนยุคใหม่ที่เปิดเอาใจวัยรุ่นวัยทำงาน อีกทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนชิลเอาท์ยามค่ำคืน เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของและหาของกินที่ละลานตาทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า เครื่องประดับมากมาย บรรยากาศภายในตกแต่งอย่างสดใสด้วยต้นไม้และสนามหญ้า และยังมีลานกิจกรรม เอาไว้ให้ลูกค้าได้เข้ามานั่งพักผ่อน ฟังเพลงชิล ๆ หลังจากที่ช้อปปิ้งกันจนหมดแรง

วันที่สอง

วัดทุ่งศรีเมือง ชมเทียนยักษ์ สัญลักษณ์อุบล โดดเด่นเป็นสง่าใจกลางเมืองกับ ต้นเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ เพื่อถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกกับต้นเทียนจำลองสีทองสูงยาวใหญ่ยักษ์แกะสลักลวดลายสวยงาม ที่สร้างขึ้นมาตอนที่เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) เป็นที่หล่อหลอมจิตศรัทธาของชาวอุบลราชธานีให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

จากนั้นเดินทางไปยัง วัดพระธาตุหนองบัว เดิมชื่อ “วัดหนองบัว” เป็นวัดราษฎร์ นิกายธรรมยุต สร้างเมือง พ.ศ.2498 นับเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี มีพญานาคฉัพยาปุตตะ ที่สร้างตามนิมิตรของพระครูอมรธรรมสโรชร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหนองบัว ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ให้คนที่เกิดปีมะเส็งและผู้ที่มีจิตศรัทธาได้มากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

จากนั้นเดินทางออกนอกเมืองไปยัง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือคนในพื้นที่เรียกกันว่า วัดเรืองแสง ที่นับเป็น unseen อีกแห่งของจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีไฮไลท์อยู่ที่สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์และลวดลายบนพื้นลานรอบโบสถ์ ซึ่งในช่วงกลางวันสารตัวนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้ พอตกกลางคืนก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงามมาก ๆ

จากนั้นปิดท้ายวันด้วยการไปเดินที่ตลาดอีกแห่งของเมืองอุบลราชธานี ถนนคนเดินเขมราฐ อยู่ตัวเมืองเขมราฐ เมืองเก่าแก่ริมฝั่งโขงที่มีอายุกว่า 200 ปีแล้ว เป็นถนนคนเดินแบบชิค ๆ เปิดขายของทุกวันเสาร์ อารมณ์คล้าย ๆ เชียงคาน เป็นบ้านไม้สไตล์วินเทจ ขายทั้งของกินและของที่ระลึก สำหรับของกินก็มีมากมายไม่แพ้ที่เชียงคาน จ.เลย นอกจากนั้นก็มีของขายทั่วไปแต่ที่ชอบ คือเขมราฐเค้าก็จะมีผ้าซิ่นมัดหมี่ฝ้ายแท้ทอมือที่เป็นลวดลายท้องถิ่นด้วย จากนั้นจะหาที่นอนแถวอุทยานแห่งชาติผาแต้มเพื่อตื่นแต่เช้าไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น

 

วันที่สาม

ตื่นแต่เช้าเดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ให้ถึงประมาณตี 5 เพื่อชมทะเลหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้ม วิวหน้าผาสูงชันยาวจนมองเห็นแม่น้ำโขงกั้นระหว่างไทยและลาว บริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไป ชมภาพเขียนสีเหล่านี้เป็นภาพเขียนสีที่ยาว ที่สุดในประเทศไทยแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ สัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน

น้ำตกแสงจันทร์ เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม และมีลักษณะพิเศษของที่นี่ก็คือเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านรูซึ่งเป็นรูที่เกิดการสร้างสรรของธรรมชาติเอง เกิดจากลำห้วยเล็ก ๆ บนลานหินไหลลอดผ่านหน้าผาหินที่มีลักษณะเป็นรูลงสู่เพิงผาด้านล่าง หากเดินทางมาชมตอนช่วงเที่ยงวัน ซึ่งแสงอาทิตย์ลอดผ่านรูพอดีจะมองเห็นสายน้ำตกเหมือนแสงจันทร์  ส่วนรูเกิดจากการเสียดสีของก้อนหินที่ติดอยู่ในแอ่งหมุนวนตามกระแสน้ำจนสุดท้ายทำเกิดเป็นรูขนาดใหญ่

หากนิยมชมชอบกับการท่องเที่ยวน้ำตกนั้น ขับรถออกมาอีกไม่ไกลนักก็จะมี น้ำตกทุ่งนาเมือง เป็นน้ำตกขนาดไม่เล็กทีเดียว ซึ่งมีไฮไลท์คือการมาดูและถ่ายรูปคู่กับเถาวัลย์ยักษ์ อายุกว่า 400 ปี เมื่อก่อนในอดีตการท่องเที่ยวที่นี่เคยโปรโมทว่า “กอดเถาวัลย์ 1 ที รักกันนานร้อยปี” ทำให้มีคนหลั่งไหลมาเที่ยวมากอดกันจนเป็นกระแส ใครผ่านไปผ่านมาลองแวะมาถ่ายรูปกันได้

และแหล่งท่องเที่ยวปิดท้ายทริปที่ไม่ควรพลาดเพราะนับเป็นอีกไฮไลท์ของจังหวัดอุบลราชธานี คือ สามพันโบก ที่ได้ชื่อว่า “อันซีนแดนอีสาน แกรนด์แคนยอนแห่งเมืองไทย” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความงดงามที่รังสรรค์โดยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ถูกกัดเซาะกลายเป็นแอ่งและหลุมมากมาย มากมายมากกว่า 3,000 โบก จึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพันโบก” เนื่องจากคำว่า โบก หมายถึง หลุม นั่นเอง และฝั่งตรงข้างที่ห่างไปไม่กี่เมตรก็เป็นฝั่งของประเทศเพื่อนบ้านของไทยเรานั้นคือประเทศลาว นอกจากจะมาเที่ยว สามพันโบกได้เห็นความงามของธรรมชาติแล้ว ยังได้เห็นวิถีชีวิตของการอยู่ร่วมกันระหว่างชาวไทยและชาวลาวริมฝั่งโขงอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเหมาเรือนำเที่ยวล่องไปในสายน้ำระหว่างแอ่ง แวะดูหินพระราชา หินน่องไก่ และแอ่งหินรูปร่างแปลก ๆ มากมาย โดยเฉพาะแอ่งมิกกี้เม้าส์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ก่อนจะเดินทางกลับ

Category :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *